(ที่มา : http://brandongaille.com/29-creative-thinking-exercises-on-how-to-be-creative/)
ขณะที่ผมกำลังเขียนหนังสือเล่มใหม่
ผมเจอประเด็นที่น่าสนใจเลยนำมาให้อ่านกันครับ ผมเชื่อว่าเพื่อนร่วมวิชาชีพครู/อาจารย์หลายท่านมาถูกทาง
แต่ท่านที่ยังใช้วิธีการสอนแบบเดิมต้องเปิดใจและปรับเปลี่ยนกับการเปลี่ยนแปลงของโลกนะครับ
โลกในศตวรรษที่
๒๑ เป็นโลกที่ไม่หยุดนิ่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว (และบางครั้งพลิกผัน) คนที่จะอยู่ได้อย่างสอดคล้องกับสังคมในยุคใหม่จึงต้องฝึกความสร้างสรรค์และนวัตกรรม
ซึ่งที่จริงมีอยู่แล้วในความเป็น
มนุษย์ แต่การเรียนรู้และการฝึกฝนที่ดีจะช่วยให้แหลมคม
ฉับไว และอดทน คนที่มีทักษะนี้สูงจะได้งานที่ดีกว่า ชีวิตก้าวหน้ากว่าและจะทำประโยชน์ให้แก่สังคมและแก่โลกได้ดีกว่า
ที่จริงโลกกำลังเปลี่ยนยุค จากยุคความรู้สู่ยุคนวัตกรรม การฝึกพลังสร้างสรรค์และนวัตกรรมจึงสำคัญยิ่ง
และผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า การฝึกฝนนี้ ต้องทำตลอดชีวิต แต่น่าเสียดายว่าระบบการศึกษาในปัจจุบันกลับเป็นตัวฆ่าพลังสร้างสรรค์และนวัตกรรม
ด้วยการจัดการสอนแบบท่องจำ เน้นการอ่านเขียนและคิดเลข ดังวิดีโอใน YouTube ที่เสนอโดย เซอร์ เคนเนธ โรบินสัน (Sir Kenneth Robinson) ความผิดพลาดอย่างยิ่งของการศึกษา คือ การทำให้การทำผิดเป็นเสมือนสิ่งชั่วร้าย
ท่าทีเช่นนี้มีผลลดทอนความ สร้างสรรค์ของเด็ก ความเข้าใจผิดที่จะต้องแก้คือ
Ø เป้าหมาย : ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
คนมักคิดว่าความสร้างสรรค์เป็นเรื่องของอัจฉริยะซึ่งเป็นคนจำนวนน้อย
ในความเป็นจริงแล้วทุกคนมีความสร้างสรรค์อยู่แล้วในรูปของจินตนาการ และการศึกษาต้องเพิ่มความสร้างสรรค์ของเด็กและของประชากรไทยทุกคน
ความเข้าใจผิดประการที่สองคือ
คิดว่าความสร้างสรรค์เป็นเรื่องของคนอายุน้อย ซึ่งไม่จริงเสมอไป เขายกตัวอย่าง ปิกาสโซ่ (Picasso) จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่นั้น ประสบความสำเร็จตอนอายุมาก
และความเข้าใจผิดประการที่สามคือ
คิดว่าความสร้างสรรค์เป็นพรสวรรค์เท่านั้น ในความเป็นจริงคือ มันเป็นทั้งพรสวรรค์และพรแสวง
โรงเรียนสามารถฝึกฝนความสร้างสรรค์ให้เด็กได้ด้วยการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการตั้งคำถาม
มีความอดทนและเปิดกว้างต่อมุมมองแปลกๆ มีความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และเรียนรู้จากความผิดพลาดหรือความล้มเหลว
วิธีหนึ่งของการฝึกความสร้างสรรค์คือ
การจัดแข่งขันโครงการออกแบบการออกแบบการเรียนรู้ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม ควรมีเป้าหมายและวิธีการ
ดังต่อไปนี้
Ø
เป้าหมาย : ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
·
ใช้เทคนิคสร้างมุมมองหลากหลายเทคนิค เช่น
การระดมความคิด
(brainstorming)
·
สร้างมุมมองแปลกใหม่ ทั้งที่เป็นการปรับปรุงเล็กน้อยจากของเดิม
หรือเป็นหลักการที่แหวกแนวโดยสิ้นเชิง
·
ชักชวนกันทำความเข้าใจ ปรับปรุง วิเคราะห์
และประเมินมุมมองของตนเอง เพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับการคิดอย่างสร้างสรรค์
Ø เป้าหมาย : ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
·
พัฒนา ลงมือปฏิบัติ และสื่อสารมุมมองใหม่กับผู้อื่นอยู่เสมอ
·
เปิดใจรับและตอบสนองต่อมุมมองใหม่ๆ หาทางได้ข้อคิดเห็นจากกลุ่ม
รวมทั้งการประเมินผลงานจากกลุ่ม เพื่อนำไปปรับปรุง
·
ทำงานด้วยแนวคิดหรือวิธีการใหม่ๆ และเข้าใจข้อจำกัดของโลกในการยอมรับมุมมองใหม่
·
มองความล้มเหลวเป็นโอกาสเรียนรู้ เข้าใจว่าความสร้างสรรค์และนวัตกรรมเป็นเรื่องระยะยาว
เข้าใจวัฏจักรของความสำเร็จเล็ก ๆ และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆว่าจะนำไปสู่การสร้างสรรค์และนวัตกรรม
Ø
เป้าหมาย : ประยุกต์สู่นวัตกรรม
· ลงมือปฏิบัติตามความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
· ลงมือปฏิบัติตามความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
เป็นหัวใจสำหรับทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ ๒๑ (21st
Century Skills) แต่ทักษะนี้ยังต้องมีทักษะอื่นมาประกอบและส่งเสริม อันได้แก่ทักษะอีก
๓ ด้าน คือ ด้านสารสนเทศ(information) ด้านสื่อ
(media) และด้านดิจิตอล (digital literacy)
ที่มา
:
วิจารณ์ พาณิช. วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่
๒๑. กรุงเทพฯ
: มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์, ๒๕๕๕. หน้า ๓๓ – ๓๖
ผมยากทำโรงผลิตไฟฟ้าภายในชุมชนครับ ท่านอาจาร์ยมีแนวทางอย่างไหรบ้างครับผม
ตอบลบประการแรกให้ดูศักยภาพของแหล่งพลังงานที่จะนำมาทำไฟฟ้าครับ ฐานที่ดีที่สุดคือพลังงานแสงอาทิตย์ (ผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างน้อย ๒ ทาง) ที่เหลือก็อาจจะพิจารณาแหล่งพลังงานอื่นๆ เช่น พลังงานลม น้ำ ชีวมวล (ขยะและของเหลือใช้ทางเกษตร) ความร้อนใต้พิภพ และแก๊สชีวภาพ (จากขยะและของเหลือใช้ทางเกษตร เช่นกัน)
ตอบลบ